นายกฯ ตอบชัดแล้ว ต้องดูแลชาวเมียนมา ไม่ดันกลับประเทศ

ถือเป็นประเด็นอ่อนไหวในช่วงนี้สำหรับสถานการณ์ของประเทศพม่า ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณีการ ท ะ ลั ก เข้าประเทศของชาวเมียนมาหลังเกิดความ รุ น แ ร ง จากการรัฐประหารภายในประเทศ ว่า ตนมองว่าไม่ใช่การ ท ะ ลั ก เข้ามา ส่วนที่มีภาพปรากฏออกมา เพราะสื่อบางคนเอามาเผยแพร่ ยืนยันว่ามีการเจรจาพูดคุย หลายคนเข้ามาในหลายหมู่บ้านนำร่อง เมื่อเข้ามาก็ต้องชี้แจงและสอบว่าเกิดปัญหาอะไรในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ ซึ่งเมื่อบอกว่าไม่มีปัญหาจึงมีการเจรจาให้กลับประเทศไป โดยไม่ใช่การเอา ปื น ผาหน้าไม้ไป จี้ ไ ล่ ให้เขาออกจากประเทศไป นี่คือเรื่องของมนุษยธรรม ที่จะต้องเดินหน้าแก้ไขไปด้วยกัน

พร้อมระบุว่าประเทศไทยมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวมาหลายปี และมีศูนย์อพยพ 9 ศูนย์ ซึ่งมีผู้อพยพกว่า 400,000 คน และอยู่มา 10 ถึง 20 ปี ซึ่งวันนี้เหลืออยู่ 100,000 กว่าคนที่ต้องดูแล ซึ่งเดิมเคยมีการสัญญาว่าจะส่งตัวกลับประเทศ แต่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จึงต้องหยุดการส่งกลับไว้ก่อน พร้อมกับต้องเตรียมการรองรับผู้ที่จะอพยพเพิ่มเติม ซึ่งต้องดูแลไปตามหลักมนุษยธรรม

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่สามารถผลักดันกลับประเทศได้ หากภายในประเทศเมียนมา ยังไม่สงบ พร้อมกับระบุว่า การอนุญาตให้คนเข้าประเทศเป็นเรื่องของความมั่นคง จะไปป่าวประกาศว่าจะรับคนเข้าประเทศ ใช่เรื่องหรือไม่ แต่หากเข้ามาก็ต้องมีการเตรียมการต่อไป และหากจำเป็นเราก็ต้องดูแลเขา ขออย่าเปิดประเด็นในเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องนี้เป็นความจำเป็นเนื่องจากเป็นเรื่องเขตแดนไทยเมียนมา การจะเข้าประเทศมาต้องถูกกฎหมาย แต่สถานการณ์ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เข้าประเทศมาก็ต้องหามาตรการรองรับ ซึ่งตนได้เตรียมเรื่องดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามไม่มีการผลักดันออกนอกประเทศหากกลุ่มคนเหล่านั้นได้รับความเดือด ร้อน จริงๆ แต่การที่จะไปประกาศว่ายินดีรับใครเข้ามามันไม่ใช่ รวมไปถึงตนได้สั่งการผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงกลาโหม ซึ่งเขาก็มีวิธีการดำเนินการของเขา ขออย่าเพิ่งกระพรือข่าว

ส่วนกรณีที่จะต้องมีการประสานกับ UNHCR หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่ต้องมีการประสานเนื่องจากหน่วยงานดังกล่าวเข้ามาอยู่ในไทยอยู่แล้ว แล้วไม่สามารถผลักดันกลุ่มคนเหล่านั้นไปยังประเทศที่ 3 ได้ ส่วนจะถือว่าเป็นภาระหรือไม่นั้นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตอบคำถามข้อแรกชัดเจนไปแล้ว ให้ไปหาคำตอบเอง ทุกอย่างมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงท้ายว่า เราคุยกันด้วยหลักการ ไม่ใช่การแก้ตัว ตนใจเย็นที่สุดแล้ว พูดกับสื่อต้องยิ้ม เดี๋ยวหาว่าเราหน้า ง อ หน้า ห งิ ก บางทีคิดอะไร เ ค รี ย ด หน้าก็ เ ค รี ย ด ด้วย จริงๆ แล้วตนเป็นคนใจดี